เตา อั้งโล่ โบราณ
กษัตริย์ลิจฉวี ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวสาลี 2. กษัตริย์ศากยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกบิลพัสดุ์ 3. กษัตริย์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองอัลลกัปปะ 4. กษัตริย์โกลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองรามคาม 5. มหาพราหมณ์ สร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวฏฐทีปกะ 6. กษัตริย์มัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองปาวา 7. พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองราชคฤห์ 8. มัลลกษัตริย์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกุสินารา 9. กษัตริย์เมืองโมริยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุพระอังคาร (อังคารสถูป) ที่เมืองปิปผลิวัน 10. โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุ ที่เมืองกุสินารา (ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแจก, คำว่า ตุมพะ แปลว่า ทะนาน, บางทีเรียกสถูปนี้ว่า ตุมพสถูป) สำหรับกรณีของกษัตริย์เมืองโมริยะนั้น ได้ส่งผู้แทนมาหลังจากที่โทณพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทั้ง 8 เมืองไปแล้วจึงได้อัญเชิญพระอังคารไปแทน ส่วนโทณพราหมณ์ ก็ได้สร้างสถูปบรรจุทะนานที่ใช้สำหรับตวงพระบรมสารีริกธาตุสำหรับตนเอง และผู้คนได้สักการะดังที่ได้กล่าวไป
10 น.
นุ่งขาว นุ่งน้ำเงิน แต่เดิมแล้วการแต่งกายไว้ทุกข์ของไทยในสมัยก่อน ไม่ได้มีเพียงแค่สีดำเท่านั้น ในพระราชนิพนธ์ของ 'ม. จ. หญิงพูนพิศมัย ดิศกุล' พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าไว้ในพระราชนิพนธ์ที่ชื่อ 'สีไว้ทุกข์ในสมัย ร.
2553) กรมศิลปากรพิมพ์แจก พ.
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ทุ่งภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บรรดาพระมหากษัตริย์ในอดีต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ. ศ. 2098-25 เมษายน พ.
ที่มา หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน ผู้เขียน วิภา จิรภาไพศาล เผยแพร่ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 บรรดาพระมหากษัตริย์ในอดีต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ. ศ.
8 ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของพสกนิกรชาวไทยไม่ลบเลือน เหตุการณ์นั้น คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระอนุชา ทอดพระเนตรการทำนาและกิจการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งได้ทรงหว่านข้าวด้วยพระองค์เองในแปลงนาหลังตึกขาว (ปัจจุบันคือตึกพืชพรรณของกรมวิชาการเกษตร) ณ เกษตรกลางบางเขน เมื่อวนที่ 5 มิ. ย. 2489 หรือ 4 วันก่อนสวรรคต อัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานต่อชาวสยามและข้าวไทยซึ่งเป็นวาระสำคัญต่อกิจกรรมข้าวไทย และเป็นพระราชกรณียกิจสุดท้าย (อ่าน) สำหรับ พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร หรือ ล้นเกล้า ร. 8 นั้น มีดังนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงประสูติกาลเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ. 2468 เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ (ภายหลังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) และหม่อมสังวาลย์ (ภายหลังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) พระองค์มีพระเชษฐภคินี และพระอนุชาร่วมพระชนกชนนีอีก 2 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช (ภายหลังทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) พระองค์เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.
"ลุงปาน หมื่นโยชน์ " พร้อม รถสามล้อแบบคันโยกพระราชทาน เดินทางถึงสนามหลวง หลั่งน้ำตาถวายสักการะพระบรมศพได้สำเร็จตามความตั้งใจ นายปาน หมื่นโยชน์ ชายชราอายุ 84 ปี ชาว อ. ละหานทราย จ.
******************** คนไทยผ่านน้ำตาแห่งการสูญเสียอันยิ่งใหญ่มานับหลายครั้งหลายครา เช่นเดียวกับครั้งที่หัวใจปวงชนชาวไทยต้องแหลกสลาย เมื่อรับทราบข่าวร้ายเรื่องการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล แบบปัจจุบันทันด่วน ไม่มีใครได้เตรียมตัวเตรียมใจ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลในพระชนมายุเพียง 20 ย่าง 21 พระชันษา ได้เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืนในวันที่ 9 มิถุนายน พ. ศ. 2489 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา ณ ห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง ทั้งๆ ที่ทรงตั้งพระทัยเสด็จนิวัตพระนครเป็นการถาวร และจะทรงรับการบรมราชาภิเษก หลังจากที่ทรงศึกษาปริญญาเอก สาขานิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยการสิ้นพระชนม์ครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพียง 4 วันเท่านั้น พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง (สถานที่เกิดเหตุ) และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันนีของ 69 ปีก่อน หรือตรงกับวันที่ 29 มีนาคม พ. 2493 คือวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทั้งนี้ หลังจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคต วันที่ 9 มิถุนายน พ. 2489 วันเดียวกันนั้นเอง รัฐสภาได้ลงมติเป็นเอกฉันท์อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช (พระยศในขณะนั้น) ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อไป จากนั้น ก็ได้มีการอัญเชิญพระบรมศพมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง จากนั้นมีกำหนดให้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในระหว่างวันที่ 28 - 29 มีนาคม พ.
ประชาชนยังคงเฝ้ารอเวลาในการส่งเสด็จรัชกาลที่ 9 สู่สวรรคาลัย หลายคนยังไม่ได้ลุกจากที่นั่งไปไหนมาเป็นเวลากว่า 3 วันแล้ว แพทย์สนาม พยาบาลอาสา หน่วยกู้ชีพ เข้าช่วยเหลือคนชรา คนพิการ แม้แต่คนหนุ่มสาวจากอาการป่วยจากการนั่งตากฝน และ ทนร้อนแดดหลายคืนหลายวันติดต่อกัน แต่พวกเขายังไม่ขอออกจากพื้นที่ แต่ยืนยันในการเฝ้าส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่ที่เดิม "รักในหลวง ร.