เตา อั้งโล่ โบราณ
สมัยก่อนหญิงไทยมักจะใช้เครื่องหอมเพื่อบำรุงผิวและเป็นเครื่องสำอาง และเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง และสาว ๆ ในยุคปัจจุบันก็สามารถเอามาใช้เพื่อบำรุงผิวได้เหมือนกันนะ วันนี้จะพามารู้จักกับ เครื่องหอมไทยโบราณ มีอะไรบ้างมาดูกันเลย 6 เครื่องหอมไทยโบราณ มีดังนี้ 1. บุหงารำไป บุหงารำไปในแบบดั้งเดิมคือการนำกลีบดอกไม้หอมชนิดต่าง ๆ อย่างเช่น กระดังงา มะลิ หรือพิกุลมาทำให้แห้งและนำไปอบร่ำด้วยเทียน ตามด้วยการปรุงด้วยน้ำปรุงและพิมเสน จากนั้นนำไปบรรจุในถุงผ้าโปร่งหรือเครื่องจักสานที่มีการประดิษฐ์ให้สวยงาม ดอกไม้ด้านในจะส่งกลิ่นหอมโชยออกมา เหมาะกับการนำไปวางไว้ในหีบหรือตู้เก็บเสื้อผ้า ทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งจะแตกต่างจากในปัจจุบันที่เป็นการนำดอกไม้แห้งมาผสมกับน้ำหอมและย้อมสีให้สดขึ้น 2. แป้งร่ำ แป้งร่ำคล้ายกับดินสอพอง เพราะวิธีการทำจะใช้แป้งหินหรือแป้งนวลมาผสมกับน้ำอบหรือน้ำปรุง แล้วจึงนำไปทำการร่ำ ซึ่งเป็นกรรมวิธีการอบแบบโบราณ ด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มีกลิ่นหอม ตามด้วยการใส่น้ำมันชะมดเช็ดเพื่อให้ได้กลิ่นที่ติดทนนาน โดยในยุคก่อนนั้นหญิงไทยก็จะนิยมใช้แป้งร่ำผสมกับน้ำอบมาผัดหน้าและทาตัวให้หอมสดชื่น ส่วนแป้งกระแจะซึ่งเป็นแป้งที่ใช้สำหรับการเจิมในพิธีมงคลต่าง ๆ ของไทย ก็เป็นส่วนผสมระหว่างแป่งร่ำและน้ำอบเช่นกัน 3.
เพื่อนๆ พ่อบ้าน แม่บ้าน... ตอนนี้ กำลังคิดว่าจะหยุดการใช้ ปรับผ้านุ่ม แล้ว เพราะไม่ ได้มีกลิ่นอะไรติดมาเลยหลัง เข้าเครื่องอบ แต่ก็ ไม่รู้ว่าหยุดใช้ปรับผ้านุ่ม แล้ว ความนุ่มฟู ยังจะมีอยู่ไหม... ท่านๆ ใช้ตัวไหน แล้วมีกลิ่น หรือ ทุกวันนี้ ซักอบ กันแบบไหน ครับ ขอบคุณครับ แสดงความคิดเห็น
อยากให้ผ้าที่อบมามีกลิ่นหอมๆ เพื่อนๆใช้วิธีไหนครับ มีเพื่อนแนะนำให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแบบแผ่น หาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ ตอนนี้มีความสุขกับการอบผ้าจริงๆรู้สึกได้ว่าผ้าสะอาดไร้ฝุ่นมันเป็นยังไง... ^^ ใครมีรูปรบกวนช่วยลงให้ดูหน่อยได้มั้ยครับว่าหน้าตามันเป็นยังไง แล้วการใช้งาน1แผ่นต่อการอบหนึ่งครั้งหรือว่าใช้ได้หลายรอบครับ ขอบคุณมากๆนะครับ แสดงความคิดเห็น
ดินสอพอง ดินสอพองหลายคนน่าจะคุ้นและรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะช่วงสงกรานต์ทีไรดินสอพองเป็นต้องขายดีและเป็นที่นิยมมาก ๆ เลยล่ะ คนสมัยก่อนก็จะใช้ดินสอพองหรือดินสีขาวที่ถูกขุดขึ้นมา เรียกว่า ดินสุก มาผสมกับน้ำอบเพื่อให้มีกลิ่นหอม และทาตัวดับร้อน แก้ผด ผื่นคัน แต่ดินสอพองตามท้องตลาดในยุคนี้อาจไม่ได้มีการกรองอย่างดีเท่าเมื่อก่อน จึงอาจต้องเลือกให้ดีก่อนนำมาใช้นั่นเอง สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่: คลิกที่นี่ อ้างอิง: คลิกที่นี่ เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ
4. น้ำปรุง ภาพจาก น้ำปรุงถือเป็นน้ำหอมของไทยที่มีกรรมวิธีอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดเลือกดอกไม้แต่ละพันธุ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อนำไปผสมกับน้ำสะอาด และทำการหมักอย่างยาวนานหลายเดือน เพื่อให้ได้น้ำปรุงที่สะอาดบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมติดทนนานเมื่อใช้งาน โดยนอกจากจะทำให้กลิ่นกายหอมแล้ว สรรคุณจากสมุนไพรยังช่วยบำรุงผิวพร้อมทั้งยังสามารถใช้ในการอบผ้าให้หอม และป้องกันแมลงมากัดกินผ้าด้วย 5. กระแจะจันทร์ กระแจะจันทร์เป็นเครื่องหอมของไทยมานานตั้งในยุคเริ่มแรกที่ยังไม่มีเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ มากนัก ซึ่งในยุคนั้นจะนำแก่นด้านในของไม้จันทร์หอม ที่มีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก มาฝนให้เป็นผงละเอียด ก่อนนำมาใช้ทาบำรุงผิวจะต้องผสมกับน้ำอบให้เป็นเนื้อเหลวข้นสีเหลือง เรียกว่า กระแจะจันทร์ และในยุคต่อ ๆ มาก็อาจมีการอบร่ำด้วยกำยานหรือเทียนอบให้มีกลิ่นหอมเพิ่มมากขึ้น 6. บุหงารำไป บุหงารำไปในแบบดั้งเดิมคือการนำกลีบดอกไม้หอมชนิดต่าง ๆ อย่างเช่น กระดังงา มะลิ หรือพิกุลมาทำให้แห้งและนำไปอบร่ำด้วยเทียน ตามด้วยการปรุงด้วยน้ำปรุงและพิมเสน จากนั้นนำไปบรรจุในถุงผ้าโปร่งหรือเครื่องจักสานที่มีการประดิษฐ์ให้สวยงาม ดอกไม้ด้านในจะส่งกลิ่นหอมโชยออกมา เหมาะกับการนำไปวางไว้ในหีบหรือตู้เก็บเสื้อผ้า ทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งจะแตกต่างจากในปัจจุบันที่เป็นการนำดอกไม้แห้งมาผสมกับน้ำหอมและย้อมสีให้สดขึ้น Story my home ไปดูเรื่องน่าสนใจจากขนมไทย ๙ ขนมไทยโบราณ จาก ท้าวทองกีบม้า แม่มะลิแห่งกรุงอโยธยา รวม 6 ร้านขนมไทย ชวนไปชิมขนมไทยในบรรยากาศคาเฟ่
หจก. ผ้าห้อมหอม ซักแห้ง & ซักอบรีด PHAHOMHOM Laundry and Dry clean สำนักงาน ตั้งอยู่ที่ 399/18 ม. 8 ถ. เฉลิมพระเกียรติ ต. สวนหลวง อ. กระทุ่มแบน จ. สมุทรสาคร วันทำการ จันทร์-เสาร์ เวลา 08:00 - 18:00
น้ำอบ น้ำอบเองในยุคปัจจุบันก็ยังมีคนรู้จักอย่างแพร่หลาย เพราะด้วยประโยชน์ที่หลากหลายตั้งแต่อดีต ทั้งนำมาทาตัวให้หอมสดชื่นหลังอาบน้ำ รดน้ำผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ และยังใช้เพื่อผสมกับกับเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ และการทำน้ำอบก็มีหลายขั้นตอนอีกด้วยเนื่องจากต้องผ่านทั้งการอบร่ำและปรุงเพิ่ม จากไม้หอมต่าง ๆ รวมถึงกำยาน ชะมดเช็ด และพิมเสน ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการทำเครื่องหอมไทย ซ้ำไปมาหลายขั้นตอนจนมีกลิ่นที่ติดทน 4. น้ำปรุง น้ำปรุงถือเป็นน้ำหอมของไทยที่มีกรรมวิธีอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดเลือกดอกไม้แต่ละพันธุ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อนำไปผสมกับน้ำสะอาด และทำการหมักอย่างยาวนานหลายเดือน เพื่อให้ได้น้ำปรุงที่สะอาดบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมติดทนนานเมื่อใช้งาน โดยนอกจากจะทำให้กลิ่นกายหอมแล้ว สรรคุณจากสมุนไพรยังช่วยบำรุงผิวพร้อมทั้งยังสามารถใช้ในการอบผ้าให้หอม และป้องกันแมลงมากัดกินผ้าด้วย 5. กระแจะจันทร์ กระแจะจันทร์เป็นเครื่องหอมของไทยมานานตั้งในยุคเริ่มแรกที่ยังไม่มีเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ มากนัก ซึ่งในยุคนั้นจะนำแก่นด้านในของไม้จันทร์หอม ที่มีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก มาฝนให้เป็นผงละเอียด ก่อนนำมาใช้ทาบำรุงผิวจะต้องผสมกับน้ำอบให้เป็นเนื้อเหลวข้นสีเหลือง เรียกว่า กระแจะจันทร์ และในยุคต่อ ๆ มาก็อาจมีการอบร่ำด้วยกำยานหรือเทียนอบให้มีกลิ่นหอมเพิ่มมากขึ้น 6.
เทคนิคการอบผ้าให้แห้ง หอมยาวนานและ ฆ่าเชื้อโรค - YouTube
เคล็ดลับซักผ้าอย่างไร ให้ผ้าหอมติดทนนาน - ในการซักผ้าสิ่งที่สำคัญคือความสะอาดของผ้า แต่สิ่งที่สำคัญพอๆ กับการซักผ้าก็คือการทำอย่างไรให้ผ้าหอม ติดทนนาน เคล็ดลับซักผ้าอย่างไร ให้กลิ่นหอมติดทน – ทุกคนคงเคยสงสัยไหมคะว่า ร้านซัก อบ รีด เขาทำอย่างไร ทำไมผ้าถึงมีกลิ่นหอมติดทนนานขนาดนั้น ทั้งที่เวลาเราซักผ้าก็ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มแล้ว ผ้าก็ยังไม่หอม วันนี้เราเลยมีเทคนิคในการซักผ้าให้มีกลิ่นหอมมาฝากกันค่ะ เคล็ดลับซักผ้าอย่างไร?
ใบเล็บครุฑประมาณ 10 กิ่ง 2. ใบอ้มประมาณ 10 ใบ 3. รากแฝกหอมประมาณ 5 - 10 ต้น 4. ต้นสาบแร้งสาบกาประมาณ 10 ต้น 5. เปราะหอมประมาณ 10 ต้น 6. ขมิ้นชัน 7. รากเครือหมาหลงประมาณ 3 รากขึ้นไป 8. เมล็ดสุกของตะครองประมาณ 20 เมล็ดขึ้นไป (ผ่าครึ่ง) 9. ดอกลำเจียกถ้ามีก็ใช้ ถ้าหาไม่ได้เพราะไม่ใช่ฤดูออกดอกก็ไม่ต้องใช้ วิธีการอบผ้า 1. นำส่วนผสมทั้งหมดไปสับให้มีขนาดประมาณ 1 ซ. ม. แล้วห่อใบตองนึ่งประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าส่วนผสมทุกอย่างจะสุก ขั้นตอนนี้มีเคล็ดลับคือ พยายามอย่าให้น้ำ (ไอน้ำ) เข้าในตัวสมุนไพรเด็ดขาด 2. นำสมุนไพรที่นึ่งสุกแล้วไปตากแดดให้แห้งสนิท แล้วนำไปตำหรือบดให้ละเอียด 3. สมุนไพรเครื่องหอมที่บดแห้งแล้ว เป็นส่วนที่สามารถเก็บในภาชนะปิดฝาสนิทแล้วเก็บได้นานนับปี เวลาจะใช้ ให้นำสมุนไพรเครื่องหอมบดแห้งนี้มาตำผสมกับสมุนไพรสด ใบเล็บครุฑ ใบอ้ม ต้นเปราะหอม ทั้งต้น ต้นสาบแร้งสาบกา และ ดอกลำเจียก ให้ละเอียด แล้วนำไปคลุกกับผ้าชุบน้ำที่ต้องการจะอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมอบผ้าไหมที่ย้อมด้วยมะเกลือ เนื่องจากกลิ่นจะติดทนนานกว่าผ้าที่ไม่ได้ย้อมมาก 4. เสร็จแล้วนำผ้าไปห่อใบตองนึ่งประมาณ 3 - 4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ 5.