เตา อั้งโล่ โบราณ
ได้รับจะมีอัตราไม่เท่ากันตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนี้ - สมาชิกอายุ 15-30 ปี รับเงินสมทบ 50% ของเงินออมที่ส่งแต่ละครั้ง แต่รวมทั้งปีรัฐสมทบให้ไม่เกิน 600 บาท - สมาชิกอายุ 30 ปีขึ้นไปถึง 50 ปี รับเงินสมทบ 80% ของเงินออมทีส่งแต่ละครั้ง แต่รวมทั้งปีรัฐสมทบให้ไม่เกิน 960 บาท - สมาชิกอายุ 50 ปีขึ้นไป รับเงินสมทบ 100% ของเงินออมสมาชิกแต่ละครั้ง แต่ไม่เกิน 1, 200 บาทต่อปี "แต่เพื่อให้เงินออมเพื่อชีวิตยามชราภาพของสมาชิกมีการเติบโตเพิ่มจำนวนรวดเร็วมากขึ้น ให้สมาชิกมีโอกาสได้รับ 'บำนาญตลอดชีวิต' ง่ายมากขึ้นด้วย กอช. จึงอยู่ระหว่างขั้นตอนกระบวนการแก้ไขกฎหมาย ขอรัฐบาลปรับขึ้นอัตราการจ่ายเงินสมทบ ซึ่งจะเป็นการผลักดันขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการออมภาคประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่สังคมสูงวัยให้เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรมได้ต่อไป" นายสมพร กล่าว ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กอช. ล่าสุดยังเห็นชอบตามข้อเสนอเรื่องการเพิ่มเงินสมทบเป็นตัวเลขเดียวคือ 2, 500 บาทต่อปี เท่ากันหมดทุกกลุ่มเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนอยากออม และแก้ปัญหาการจ่ายเงินสมทบที่ยากต่อการทำความเข้าใจ โดยภาพรวมของการใช้งบประมาณกรณีที่เพิ่มเงินสมทบเป็น 2, 500 บาทต่อปี ถ้าคิดจากฐานสมาชิกที่ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1 ล้านราย เท่ากับรัฐต้องจ่ายเงินสมทบเป็นปีละ 2.
5 พันล้านบาท เทียบจากปี 2559 ที่ใช้รูปแบบการจ่ายสมทบปัจจุบัน รัฐต้องจ่ายเงินสมทบราว 600-700 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนการสมทบจากภาครัฐตามสัดส่วนอายุยังคงมีการกำหนดไว้ โดยมีเงื่อนไขยอดการออมเพื่อจะได้รับเงินสมทบเต็มจำนวน 2, 500 บาทต่อปี ยกตัวอย่าง ผู้ที่มีอายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ดังนั้นถ้าอยากได้เงินสมทบจากรัฐ 2, 500 บาท จะต้องออมไม่น้อยกว่า 5, 000 บาท ผู้ที่มีอายุ 30-50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ถ้าอยากได้เงินสมทบจากรัฐ 2, 500 บาท จะต้องออมอย่างน้อย 3, 125 บาท และ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปรัฐสมทบให้ 100% ถ้าอยากได้เงินสมทบจากรัฐ 2, 500 บาท จะต้องออมอย่างน้อย 2, 500 บาท นอกจากนี้ คณะกรรมการ กอช. ยังเห็นชอบเรื่องการแก้เพดานการออมจากไม่เกินปี 1. 32 หมื่นบาท เพิ่มเป็น 3 หมื่นบาท เพื่อผู้ออมมีเงินไว้ใช้มากพอหลังเกษียณอายุ โดยข้อเสนอทั้งหมดนี้ กอช. จะต้องนำเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาเพื่อเสนอให้ คณะรัฐมนตรี (ครม. ) ก่อนที่จะมีการประกาศปรับเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่
" กองทุนการออมแห่งชาติ "หรือ "กอช. "เป็นหน่วยงานที่รัฐจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนกลางที่ช่วยสนับสนุนการสะสมเงินเพื่อชีวิตวัยเกษียณของคนไทยที่ "ประกอบอาชีพอิสระ" เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนไทยทุกคนเข้าถึง "สวัสดิการแห่งรัฐ" ได้อย่างทั่วถึงและสร้าง "เงินบำนาญ "โดยสมัครใจ ประชาชนผู้ที่มีสิทธิสมัครอายุ 15 – 60 ปีหรือ ผู้ประกันตนตาม " ม. 40 " ทางเลือก 1 สมัครออมเงินควบคู่ไปกับ กอช. เพื่อเติมเต็มเงินออมไว้ใช้รายเดือนหลังอายุ 60 ปี ตอบโจทย์ความมั่นคงทางการเงิน คุณสมบัติ -สัญชาติไทย -อายุ 15-60 ปี -เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) -ไม่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายประกันสังคม -ไม่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ -ไม่เป็นข้าราชการ หรือสมาชิก กบข. -มีอาชีพอิสระไม่มีนายจ้างหรือไม่มีอาชีพ วิธีการสมัคร "กอช. " -สมัครผ่านแอปพลิเคชัน "กอช. "หรือเว็บไซต์ กอช. สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ -รับเงินสมทบตามช่วงอายุ (สูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1, 200 บาท) -รัฐบาลค้ำประกันตผลตอบแทนการลงทุน(ไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน เฉลี่ย 7 ธนาคาร) -ลดหย่อนภาษี (เต็มจำนวนเงินสะสมต่อปี) -บำนาญรายเดือนตลอดชีพ (ตามเงื่อนไขที่ พ. ร. บ. กอช. กำหนด) -ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุด 300 บาท/วัน -ทุพพลภาพ รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 500-1000 บาท/เดือน (ไม่เกิน 15 ปี) -ค่าทำศพ 25, 000 บาท (+8, 000 บาท หากจ่ายเงินสมทบเกิน 60 เดือน) ช่องทางสมัครสมาชิก - สมัครผ่านแอปพลิเคชั่น "กอช. "
กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. แจงการจ่ายเงินสมทบให้สมาชิก กอช. เป็นไปตามกฎหมาย โดยจ่ายเข้าบัญชีสมาชิกทันทีภายในเดือนถัดไป หลังจากสมาชิกส่งเงินออมเข้ากองทุน แต่จะได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ออมและอายุสมาชิก เตรียมแก้ไขกฎหมายเพิ่มเงินสมทบ เป็น 2, 500 บาทต่อปีทุกกลุ่ม เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออมมากขึ้น วางเป้าเพิ่มสมาชิกขึ้นเป็น 1 ล้านรายในปี 2560 นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช. ) ชี้แจงถึงวิธีการจ่ายเงินสมทบแก่สมาชิก กอช. ว่า รัฐบาลได้จ่ายเงินสมทบ สำหรับแรงงานนอกระบบที่สมัครสมาชิกและมีการส่งเงินสะสมหรือเงินออมเข้ากองทุนซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยการจ่ายเข้าบัญชี กอช. ของสมาชิกภายในเดือนถัดไปหลังจากที่สมาชิกส่งเงิน และที่ผ่านมาไม่เคยมีการค้างจ่ายสมทบ เป็นการที่รัฐมอบประโยชน์เป็นเงินออมแก่ผู้ประกอบ อาชีพอิสระ ทั้งหลายที่ไม่มีนายจ้างมาดูแลและเข้าไม่ถึงสวัสดิการบำนาญชราภาพรูปแบบอื่น ซึ่งเงินสมทบที่ได้จากรัฐบาลนี้จะอยู่ในบัญชีเงินออมของสมาชิกแต่ละคน ไปจนถึงวันที่สิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่ออายุ 60 ปี จากนั้น กอช. จะเริ่มจ่ายเงินออมคืนให้สมาชิกเป็นรายเดือนพร้อมกับเงินสมทบและดอกผลจาก การลงทุน ทั้งนี้ อัตราเงินสมทบที่สมาชิก กอช.
เตรียมนำเงินออมที่เข้าระบบก้อนแรกลงทุนในสินทรัพย์ตราสารหนี้ ร้อยละ 80 และตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง ร้อยละ 20 พร้อมมองว่า หากมีเงินออมถึง 10, 000 ล้านบาท จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อให้มีผลตอบแทนสูงขึ้นในอนาคต เช่น การให้ธนาคารออมสิน และ ธ. ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะต้องมีการเสนอบอร์ดเพื่อพิจารณากรอบ การลงทุน อีกครั้งหนึ่ง โดย กอช. จะทบทวนการจ่ายเงินสมทบและเพดานการส่งเงินออมทุก 5 ปี เพื่อพิจารณาตามความเหมาะสม นอกจากนี้ กอช. ได้ของบประมาณปี 2559 จำนวน 1, 200-1, 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินงาน โดยแบ่งเป็นเงินในการจ่ายสมทบ 1, 000 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการ 400 ล้านบาท เลขาธิการ กอช. กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีโอกาสเข้าร่วมกับทุน กอช. ได้ ส่วนกรณีสมาชิกที่อยู่ในกองทุน ประกันสังคม แล้วต้องการเข้ามาอยู่ใน กอช. ขณะนี้อยู่ระหว่างรอทูลเกล้าฯ ในการแก้ไขกฎหมายเพื่อโอนสมาชิกจากกองทุนประกันสังคมมาอยู่ใน กอช. ซึ่งคาดว่าจะโปรดเกล้าฯ ลงมาภายในสิ้นเดือนนี้ สำหรับผู้สมัคร กอช. แบ่งสมาชิกออกเป็น 3 ประเภท คือ ช่วงอายุ 15-30 ปี เมื่อสมาชิกโอนเงินเข้าระบบ รัฐบาลจะโอนเงินสมทบอัตราร้อยละ 50 ของเงินออม แต่ไม่เกินปีละ 600 บาท ประเภทช่วงอายุ 30-50 ปี รัฐบาลจะสมทบในอัตราร้อยละ 80 ของเงินออม แต่ไม่เกินปีละ 960 บาท ประเภทช่วงอายุ 50-60 ปี รัฐบาลจะสมทบร้อยละ 100 แต่ไม่เกินปีละ 1, 200 บาท โดยสมาชิกทุกประเภทสามารถส่งเงินออมได้ไม่เกินปีละ 13, 200 บาท.
ร. บ. กอช. กำหนด) -ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุด 300 บาท/วัน -ทุพพลภาพ รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 500-1000 บาท/เดือน (ไม่เกิน 15 ปี) -ค่าทำศพ 25, 000 บาท (+8, 000 บาท หากจ่ายเงินสมทบเกิน 60 เดือน) ช่องทางสมัครสมาชิก – สมัครผ่านแอปพลิเคชั่น "กอช. " -ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น "กอช. " -เข้าสู่แอปฯ กดเลือก "สมัครสมาชิก" -ระบบจะแสดง "ข้อตกลงและเงื่อนไข" ให้ผู้สมัครอ่านอย่างละเอียดและกด "ยอมรับ" -ระบบจะแสดงรายละเอียด "แบบขอความยินยอมให้เก็บรวบรวมและประมวลข้อมูลส่วนบุคคล" ให้ผู้สมัครอ่านให้ละเอียดจากนั้นกด "ยินยอม" -ระบบจะให้กรอกข้อมูล ได้แก่ หมายเลขบัตรประชาชน ชื่อ-นามสกุล รหัสหลังบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ จากนั้นกด "ตรวจสอบข้อมูล" – หน่วยรับสมัครสมาชิกใกล้บ้าน -สำนักงานคลังจังหวัด -ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ -ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน -สถาบันการเงินชุมชน -ธนาคารออมสิน – ธ. ก. ส. -ธอส. -ธนาคารกรุงไทย -เคาน์เตอร์เซอร์วิส -เทสโก้โลตัส -ตู้บุญเติม -บิ๊กซี -เครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ -สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000 สมัครด้วยตนเองผ่านสถานที่รับบริการ -สมัครด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน -แสดงบัตรประชาชนของผู้สมัคร (กรณีมอบอำนาจต้องแนบสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจ 2 ชุด และของผู้รับมอบอำนาจ 1 ชุด) -ไม่ต้องเปิดบัญชีธนาคาร -ส่งเงินออมงวดแรก ขั้นต่ำ 50 บาท เงื่อนไขการออม ออมเงิน 50 – 13, 200 ต่อปี (ตามความสมัครใจ)
: ขอบคุณแหล่งข้อมูล: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก 28 กรกฎาคม 2564 – 04:00 น. "ผู้ประกันตน ม. 40 " เช็กด่วน เงื่อนไขและวิธีการสมัครเป็นสมาชิก"กองทุนการออมแห่งชาติ "(กอช. ) และสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับหลังสมัครเป็นสมาชิก ที่นี่ "กองทุนการออมแห่งชาติ"หรือ"กอช. "เป็นหน่วยงานที่รัฐจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนกลางที่ช่วยสนับสนุนการสะสมเงินเพื่อชีวิตวัยเกษียณของคนไทยที่"ประกอบอาชีพอิสระ" เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนไทยทุกคนเข้าถึง"สวัสดิการแห่งรัฐ"ได้อย่างทั่วถึงและสร้าง"เงินบำนาญ"โดยสมัครใจ ประชาชนผู้ที่มีสิทธิสมัครอายุ 15 – 60 ปีหรือ ผู้ประกันตนตาม " ม. 40 " ทางเลือก 1 สมัครออมเงินควบคู่ไปกับ กอช. เพื่อเติมเต็มเงินออมไว้ใช้รายเดือนหลังอายุ 60 ปี ตอบโจทย์ความมั่นคงทางการเงิน คุณสมบัติ -สัญชาติไทย -อายุ 15-60 ปี -เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) -ไม่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายประกันสังคม -ไม่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ -ไม่เป็นข้าราชการ หรือสมาชิก กบข. -มีอาชีพอิสระไม่มีนายจ้างหรือไม่มีอาชีพ วิธีการสมัคร "กอช. " -สมัครผ่านแอปพลิเคชัน"กอช. "หรือเว็บไซต์ กอช. สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ -รับเงินสมทบตามช่วงอายุ (สูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1, 200 บาท) -รัฐบาลค้ำประกันตผลตอบแทนการลงทุน(ไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน เฉลี่ย 7 ธนาคาร) -ลดหย่อนภาษี (เต็มจำนวนเงินสะสมต่อปี) -บำนาญรายเดือนตลอดชีพ (ตามเงื่อนไขที่ พ.
ประจำหมู่บ้าน ธนาคารออมสิน ธ. ก. ส. ธอส.