เตา อั้งโล่ โบราณ
สวัสดีค่ะว่าที่คุณแม่ทั้งมือใหม่ มือเก่าในการผ่าคลอด หรือมีเหตุจำเป็นต้องผ่าตัดคลอด เชื่อว่าคุณแม่ทั้งหลายต้องมีความกังวลอยู่บ้างไม่มากก็น้อย และหลากหลายเรื่องที่แม่ ๆ ก็สงสัย ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมก่อนคลอด ของเตรียมคลอด เอ๊ะ!!! จะเตรียมตัวยังไงดี รวมทั้งหลังผ่าตัดคลอดก็เป็นอีกเรื่องที่แม่มักกังวลมากเช่นกัน mamaexpert เข้าใจความรู้สึกนี้ดีค่ะ เลยรวบรวมข้อสงสัยต่าง ๆ ที่แม่ผ่าคลอดอยากรู้มาฝาก เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมก่อนคลอดที่ดีที่ดีสุด มาเริ่มกันเลยค่ะ ตอบชัด ๆ หลายคำถามที่แม่ท้องผ่าคลอดสงสัย 1. ของเตรียมคลอด ต้องเตรียมพร้อมก่อนคลอดยังไงบ้าง? แนะนำให้คุณแม่เตรียมของต่าง ๆ โดยการลิสต์รายชื่อไว้ แล้วค่อยเลือกซื้อก่อนวันนัดผ่าคลอดนะคะ ตามนี้ค่ะ ของเตรียมคลอดให้คุณแม่ เช่น ชุดให้นมลูก เครื่องปั๊มนม ผ้ารัดหน้าท้อง รวมทั้งของใช้ต่าง ๆ ของแม่ที่จำเป็น ของเตรียมคลอดให้เจ้าตัวเล็ก เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าเด็กอ่อน แชมพู สบู่อาบน้ำ ถุงเก็บน้ำนม ใบนัดแพทย์ ประกันสุขภาพต่าง ๆ ที่มี 2. ผ่าคลอดหรือผ่าตัดคลอดทำให้ลูกได้รับภูมิต้านทานน้อยแค่นั้นจริงไหม?
53, I² = 93% มากหลักฐานมีคุณภาพต่ำ). ค่าเฉลี่ย ระยะเวลาการนอนในโรงพยาบาล สั้นในกลุ่มให้สิ่งแทรกแซงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (MD -0. 36 วัน, 95% CI -0. 53 ถึง -0. 18 วัน; ผู้เข้าร่วม 1489 คน 7 การศึกษา; random-effects Tau² = 0. 04, I² = 92%) เสียง แรกของการทำงานของลำใส้ ได้ยินเสียงเร็วขึ้นในกลุ่มแทรกแซงกว่าในกลุ่มควบคุม (MD -4. 56 ชั่วโมง 95% CI -6. 18 ถึง -2. 93 ชั่วโมง; ผู้เข้าร่วมการศึกษา 1729 คน, 9 การศึกษา; random-effects Tau² = 5. 41, I² = 96%) ไม่มีการศึกษาการประเมิน ความพึงพอใจของสตรี ในความสัมพันธ์กับการมีการเคี้ยวหมากฝรั่ง สิ่ง จำเป็นสำหรับการใช้ยาระงับความเจ็บปวดหรือยาแก้อาเจียร ไม่ได้แตกต่างกันระหว่างการกลุ่มแทรกแซงและกลุ่มควบคุม (เฉลี่ย RR 0. 50, 95% CI 0. 12 ถึง 2. 13;ผู้เข้าร่วม 726 คน; 3 การศึกษา; สุ่มผลTau² = 0. 79 I² = 69%) บันทึกการแปล: แปลโดย นายแพทย์สุธิต คุณประดิษฐ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรม สาขาสูติ-นรีเวชกรรม โรงพยาบาลลำพูน
การผ่าคลอดคือการผ่าตัดเพื่อให้กำเนิดบุตร การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดใหญ่และจะหายช้ากว่าการคลอดแบบธรรมชาติและต้องใช้เทคนิคแตกต่างกัน ถ้าคุณผ่าคลอดโดยไม่มีอาการแทรกซ้อน คุณจะต้องนอนพักในโรงพยาบาลประมาณ 3 วันและทำการห้ามเลือด ขับของเหลว และรักษาแผลประมาณ 4-6 สัปดาห์ [1] [2] แผลของคุณจะหายในไม่ช้าด้วยการดูแลอย่างดีจากทีมแพทย์ การช่วยเหลือจากครอบครัวและเพื่อนๆ และการดูแลตัวเองที่บ้าน 1 เดิน. คุณจะต้องอยู่โรงพยาบาล 2 หรือ 3 วัน ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกคุณจะถูกกระตุ้นให้ยืนและเดิน การเคลื่อนไหวช่วยป้องกันผลข้างเคียงของการผ่าคลอด เช่น อาการท้องอืดและท้องเฟ้อ เช่นเดียวกับอาการแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น การอุดตันของเลือด พยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาลจะคอยดูการเคลื่อนไหวของคุณ [3] คุณจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเมื่อเริ่มเดินแต่ความเจ็บปวดจะค่อยๆ ลดลง 2 ขอความช่วยเหลือในการให้นม. เมื่อคุณรู้สึกดีขึ้น คุณสามารถเริ่มให้นมจากเต้าหรือขวดนมกับทารก ขอให้พยาบาลหรือที่ปรึกษาด้านการให้นมช่วยให้คุณอยู่ในท่าที่จะไม่ใช้แรงกดแผลช่วงท้องที่กำลังสมาน [4] การใช้หมอนสามารถช่วยได้ 3 ปรึกษาเกี่ยวกับการให้วัคซีน. ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวัคซีนเพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและทารก ถ้าคุณไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนก็สามารถใช้ช่วงเวลานี้เพื่อฉีดวัคซีนได้ [5] 4 รักษาความสะอาด.
อาการท้องอืดเกิดจากการที่ลูกมีลมในท้องมากเกินไป เมื่อลูกน้อยท้องป่อง ด้วยอาการท้องอืดขึ้นมาทีไร ก็มักจะงอแง ด้วยความไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว และมีอาการอื่นที่เกิดร่วมด้วย เช่น เรอบ่อย ผายลมบ่อย ท้องใหญ่ขึ้น ท้องโป่งตึงแข็ง ซึ่งเกิดจากการกลืนลมเข้าไปขณะกินนม ขณะร้องไห้ หรือในช่วงการหายใจปกติ โดยลมจะไปสะสมอยู่ในท้องของลูกน้อย ทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายและแน่นท้องก่อนที่จะได้กินนมเพียงพอในครั้งต่อไป เด็กท้องอืด เกิดจากอะไรได้บ้าง เด็กท้องอืดพบได้โดยทั่วไป แต่อาการเด็กท้องอืดเรื้อรังอาจพบได้ไม่บ่อยนัก หากลูกที่บ้านมีปัญหาท้องอืดเป็นประจำ อาจมีสาเหตุจาก 3 ภาวะดังต่อไปนี้ 1. เด็กท้องอืดจากภาวะขาดเอนไซม์ย่อยนม 2. เด็กท้องอืดจากปริมาณแบคทีเรียในลำไส้มากเกิน 3. เด็กท้องอืดจากโรคลำไส้แปรปรวน เพราะการขับถ่าย ส่งผลต่ออารมณ์และพัฒนาการของลูก หากการขับถ่ายของลูกผิดปกติ ก็จะทำให้ลูกอารมณ์บูด คุณแม่ลองเช็กการขับถ่ายของลูกดูนะคะ ว่าปกติดีหรือไม่ แค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ มาเช็กกันเลย 1. เด็กท้องอืดเนื่องมาจากนม โปรตีนและน้ำตาลแลคโตสต่างก็เป็นสารอาหารสำคัญของทารก หากระบบทางเดินอาหารมีการทำงานที่สมบูรณ์ เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการย่อยสารอาหารเหล่านี้จะทำงานได้ 100% แต่ในทารกช่วงวัยขวบปีแรกเอนไซม์แลคเตสซึ่งทำหน้าที่ย่อยแลคโตสอาจทำงานได้เพียง 70% ส่วนเอนไซม์เอนเทอโรไคเนสซึ่งทำหน้าที่ย่อยโปรตีนทำงานได้เพียง 25>% ส่งผลต่อให้มีปริมาณแบคทีเรียในลำไส้มากเกิน จึงเกิดปัญหาในข้อที่ 2 2.
หลังผ่าตัดคลอดทำไม เดินบ่อย ๆ? หลังผ่าคลอด แพทย์จะให้คุณแม่เดินบ่อย ๆ เดินตัวตรง เพื่อให้ร่างกายได้ขยับ ลำไส้ได้ทำงาน ลดอาการท้องอืด ลดการเกิดพังพืดที่แผล 8. หลังผ่าตัดคลอด ทานอะไรได้บ้าง? คุณแม่ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ซึ่งหากดื่มได้มากกว่าวันละ 8 แก้วก็จะดีมากเลยค่ะ ทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบ ทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เพื่อไม่ให้ลำไส้ทำงานหนักเกินไป ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้น้ำนมที่มีคุณภาพ และมีปริมาณเพียงพอ ซึ่งสารอาหารในนมแม่เช่น สฟิงโกไมอีลิน, จุลินทรีย์สุขภาพ B. lactis และสารอาหารอื่นๆ ช่วยพัฒนาสมอง ภูมิต้านทาน และการเจริญเติบโตของลูก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อสงสัยที่ว่าที่คุณแม่ผ่าคลอดต่างสงสัยกัน คงเบาใจขึ้น พร้อมรับมือในการคลอดและหลังผ่าตัดคลอดได้แล้วใช่ไหมคะ? ฝากไว้อีกนิดค่ะ เรื่องน้ำนมน้อย ปั๊มนมไม่ออก แนะนำให้เอาลูกเข้าเต้าย่อย ให้ดูดบ่อยและดูดนาน ซึ่งหากคุณแม่มีความกังวลกับเรื่องนี้มาก จะส่งผลต่อสภาพจิตใจและส่งผลไปถึงสภาพร่างกายได้ เพียงแค่ทำให้ดีที่สุด อ่านคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับแม่ผ่าคลอดเพิ่มเติม เรียบเรียงโดย: Mamaexpert Editorial Team เอกสารอ้างอิง Deoni S. C. et al.