เตา อั้งโล่ โบราณ
ปาล์มเจ้าเมืองตรัง ข้อมูลทางพฤกษศาสตร์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Licuala peltata วงศ์ ARECACEAE ชื่ออื่นๆ กะพล้อ กะพ้อ จิ้ง การกระจายพันธุ์ เป็นพันธุ์ไม้หายากชนิดหนึ่ง พบทางตอนใต้ของประเทศพม่าและไทย ในป่าดงดิบชื้น ความเชื่อในชุมชน เหตุที่ได้ชื่อว่า "เจ้าเมืองตรัง" เนื่องจากถูกค้นพบโดย พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรัง ขณะที่บุกเบิกตัดถนนในป่าเขตแดนจังหวัดตรัง เห็นว่ามีความสวยงาม จึงนำมาปลูกไว้ในกระถางเลี้ยง ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำต้น: ปาล์ม สูง 2-5 เมตร ใบ: เป็นใบเดี่ยว มีขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม รูปพัดหรือเกือบกลม แผ่นใบและขอบจักเป็นจีบ ขนาดผ่าศูนย์กลาง 1-1. 5 เมตร ก้านใบยาว 1-1. 2 เมตร แข็งแรง มีหนามโค้ง ปลายแหลมสีน้ำตาล ส่วนโคนใบแผ่เป็นกาบหุ้มรอบลำต้น ใบมีประมาณ 3-7 ใบ ดอก: ออกเป็นแกนช่อจากยอดหรือซอกใบ ขนาดยาวจากโคน 80-150เซ็นติเมตร ดอกย่อยสีเหลืองหรือสีน้ำตาลอ่อน ไม่มีก้าน ขนาดผ่าศูนย์กลาง 6-8 มิลลิเมตร มีขนนุ่ม ส่วนโคนกลีบดอกเชื่อมเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 3 แฉก เกสรผู้ 6 อัน ขนาดยาวเท่ากัน ผล: กลมรี ขนาด 1-2 เซ็นติเมตร ปลายแหลม อยู่บนฐานรองดอกที่มีลักษณะเป็นรูปถ้วยหนาคล้ายแผ่นหนัง สีน้ำตาล เมล็ดมี 1 เมล็ด ประโยชน์ เป็นปาล์มที่มีความสง่างามมาก นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ การปลูก และดูแลรักษา ชอบที่ร่มชื้น หรือรำไร ปลูกเป็นไม้กระถางได้ ที่มา
รายละเอียดสินค้า ข้อมูล น้ำหนัก กรัม บาร์โค้ด ลงสินค้า อัพเดทล่าสุด ต้นหมากเหลือง การดูแล/ลักษณะนิสัย:การรดน้ำ ต้องการน้ำปริมาณมาก ในระยะกำลังเจริญเติบโตควรรดน้ำทุกวัน การปลูกในกระถางต้องให้น้ำอย่างน้อยทุก 3 วัน ต่อครั้ง ส่วนการปลูกในแปลงต้องให้น้ำอย่างน้อยทุก 5-7 วัน ต่อครั้ง ให้น้ำแต่พอชุ่มก็จะช่วยให้ต้นหมากเหลืองเจริญเติบโตสมบูรณ์:แสงแดด ชอบแสงแดด ถ้าปลูกลงดินที่กลางแจ้งต้นจะโตและสีจะออกเหลืองสวยกว่าปลูกในร่มหรือที่มีแสงแดดน้อย Top Tip ถ้าปลายใบมีอาการไหม้ หรือใบเหลือ สามารถตัดแต่งได้ ข้อมูลเบื้องต้น ชื่อ: หมากเหลือง, Yallow palm ชนิดพืช: ต้นไม้ภายใน; ปาล์ม ฟอกอากาศ? : ไม่ เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงและเด็ก? : ใช่ เรื่องราว Story หมากเหลืองเป็นปาล์มที่มีหน่อเป็นกอขึ้นรวมกัน กอหนึ่งจะมีประมาณ 6 – 12 ต้น สูงประมาณ 25 – 30 ฟุตลำต้นมีข้อปล้องโค้งออกจากโคนกอ แลดูสวยงามยิ่ง ใบเป็นใบรูปขนนก ทางใบยาว 6 – 8 ฟุต กาบใบจะ ห่อหุ้มลำต้นไว้ หมากเหลืองเป็นปาล์มที่ได้รับความนิยม นำมาตกแต่งประดับประดาตามสถานที่เป็นอย่าง มาก เพราะความสวยงามและมีรูปร่างที่ไม่เล็กและก็ไม่ใหญ่จนเกินไป คนไทยในยุคก่อนมีความเชื่อว่าหากได้ปลูกต้นหมากไว้ประจำบ้านก็จะทำให้มีความอ่อนน้อมความมีน้ำใจ เงื่อนไขอื่นๆ Tags วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการชำระเงิน ชำระเงินผ่านธนาคาร บมจ.
Areca Palm/Butterfly Palm/Golden Cane Palm ชื่อวิทยาศาสตร์: Dypsis lutescens () entje & ชื่อพ้อง Chrysalidocarpus lutescens ประเภท: ปาล์มแตกกอ ความสูง: สูงได้ถึง 8 เมตร ความสูงที่สวยงามอยู่ในช่วง 1 – 3 เมตร ลำต้น: เส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 4 – 8 เซนติเมตร ลำต้นและคอใบมีสีเหลืองส้มจนถึงเขียว ใบ: รูปขนนก ทางใบยาว 2 เมตร ใบย่อยรูปแถบแคบเรียวแหลม ช่อดอก: ช่อดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น ออกใต้คอ ช่อแผ่กระจาย ยาว 50 – 70 เซนติเมตร ผล: รูปรี ขนาด 1. 5 เซนติเมตร เมื่อสุกมีสีเหลืองส้ม ดิน: ดินร่วนอุดมสมบูรณ์ แสงแดด: รำไรและกลางแจ้ง น้ำ: ปานกลาง ขยายพันธุ์: แยกหน่อหรือเพาะเมล็ด ใช้เวลา 2 เดือนจึงงอก การใช้งานและอื่นๆ: เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกลงแปลง เมล็ดหมากเหลืองยังไม่สุกแก่เต็มที่ หลังจากสุกจนเป็นสีเหลืองส้มจะเริ่มร่วง
ข้ามไปเนื้อหา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ตาลเหลือง ( อังกฤษ: Yellow Latan Palm; ชื่อวิทยาศาสตร์: Latania verschaffeltii) เป็น ปาล์ม ในสกุล Latania เป็น ปาล์มเฉพาะถิ่น ของเกาะ ร็อดริก ใน หมู่เกาะแมสคารีน [2] ลักษณะเป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 8 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เซนติเมตร ใบรูปพัดสีเหลืองอมเขียว เมื่อต้นยังเล็ก ก้านใบและสะดือใบมีสีเหลืองหรือเหลืองอมส้ม ช่อดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น ออกระหว่างกาบใบ ผลรูปไข่ขนาด 5 เซนติเมตร เมื่อสุกมีสีเขียวอมน้ำตาล [3] นิยมปลูกเป็น ไม้ประดับ [4] อ้างอิง [ แก้] แหล่งข้อมูลอื่น [ แก้]
การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ การขยายพันธุ์ปาล์มโดยวิธีนี้จะทำได้เฉพาะแต่ปาล์มชนิดที่มีหน่อเท่านั้น เช่น หมากเขียว หมากเหลือง หมากแดง ยูเทเฟ้ จั๋ง ปาล์ม ไผ่ เป็นต้น ซึ่งมีหลักพิจารณาดังนี้ • เลือกหน่อที่เชื่อแน่ได้ว่า หน่อนั้นมีรากแล้วอย่างน้อย 3 ราก • ควรใช้วิธีตัดตาทิ้งไว้กับต้นแม่สักระยะหนึ่งประมาณ 30 วัน จากนั้นจึงแยกปลูกลงกระถางหรือที่ ๆ ต้องการปลูก พึงระวังอย่าให้ถูกแสงแดดจัดในระยะแรก • ถ้าจะขุดแยกทีเดียวควรนำปลูกในกระถางในถุงพลาสติกที่เตรียมไว้ วัสดุชำควรจะใช้ทรายผสมกับถ่านแกลบในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน แล้วเก็บไว้ในร่ม 2.
อาการผิดปกติและโรคที่พบในระยะต้นกล้าปาล์มน้ำมัน • โรคพืชนั้นพบได้ทุกช่วงวัยของพืช ต้นปาล์มน้ำมันก็เช่นกัน ซึ่งหากเราตรวจพบความผิดปกติต่างๆ ได้เร็วนั่นย่อมหมายถึงเวลาและต้นทุนที่ต้องเสียให้กับปาล์มที่ไม่สมบูรณ์นั้นน้อยลง เช่นนั้นแล้ว อาการผิดปกติในระยะต้นกล้าของปาล์มน้ำมันมีอะไรบ้าง มารับรู้และนำไปสังเกตอาการของกล้าปาล์มน้ำมันกันดังนี้… • ใบไหม้ เป็นโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา Curvularia sp. จะมีอาการในช่วงที่ใบเริ่มคลี่ ระยะแรกมองเห็นเป็นจุดเล็กๆ โปร่งใส ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงขอบน้ำเงินเข้มมีวงแหวนสีเหลืองล้อมรอบ ลักษณะเป็นทรงกลมรียาว 7-8 มิลลิเมตร ต้นกล้ามีความเจริญเติบโตช้า หากอาการรุนแรงมากใบจะไหม้และยืนต้นตายในที่สุด เมื่อพบอาการเหล่านี้ควรคัดแยกนำออกมาเผาทำลายแล้วป้องกันกล้าปาล์มน้ำมันที่เหลือด้วยสารกำจัดและป้องกันเชื้อรา • ใบจุด เกิดจากเชื้อรา Drechslera sp.
3-0. 4 เปอร์เซ็นต์ (Uexkull and Fairhurst, 1991) และปาล์มจะแสดงอาการขาดแมกนีเซียมเมื่อปริมาณแมกนีเซียม ในทางใบที่ 17 ต่ำกว่า 0. 2 เปอร์เซ็นต์ (อย่างไรก็ตามนักวิชาการในสวนปาล์มจําเป็นจะต้องเลือกเก็บทางใบ ที่ 17 ให้ถูกต้อง การเก็บใบผิดพลาดจะมีผลทําให้ค่าวิเคราะห์ผิดเพี้ยนไปได้) (ตัวอย่าง) ปุ๋ยแมกนีเซียม ปาล์มน้ำมันจะดูดแมกนีเซียมได้ดีเมื่อ แมกนีเซียมที่ใส่ลงไปในดินอยู่ในรูปของอิออน (Mg2+) ทีละลายน้ำได้อยู่ในสารละลายของดิน อย่างไรก็ตามพืชจะใช้แมกนีเซียมได้ดีมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับ ปัจจัยต่อไปนี้ 1. ความเป็นกรดของดิน: ดินกรดทําให้พืชใช้แมกนีเซียมได้น้อยลง 2. ความชื้นของดิน: ถ้าดินมีความชื้นต่ํา ความเป็นประโยชน์ของแมกนีเซียมในดินจะลดลง ด้วยเหตุนี้ จึงมักจะพบอยู่เสมอว่าปาล์มน้ำมันมักจะแสดงอาการขาดแมกนีเซียมในฤดูแล้งหรือฝนทิ้งช่วง การขาดจะรุนแรงมากขึ้นถ้าปาล์มได้รับโปแตสเซียมไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้จึงจําเป็นจะต้องมีการใส่แมกนีเซียมในช่วงเวลาที่เหมาะสม กล่าวคือช่วงก่อนฤดูฝน ปุ๋ยที่ให้แมกนีเซียมที่สําคัญ มี 2 ชนิดคือ 1. แมกนีเซียมที่อยู่ในรูปซัลเฟต ซึ่งได้แก่ ปุ๋ยกีเซอร์ไรท์ (MgSO4H2O) ซึ่งมี MgO 27 เปอร์เซ็นต์ 2.
ชื่อไทย หมากเหลือง ชื่อสามัญ Yallow palm ชื่อวิทยาศาสตร์ Chrysalidocarpus lutescens.