เตา อั้งโล่ โบราณ
เมื่อโลกสมัยได้เปลี่ยนแปลงไป สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง หรือการทำธุรกรรมทางการเงินก็ก้าวไปไกลแล้ว คุณสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงแค่คุณมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าเทคโนโลยีจะล้ำหน้าไปไกลเพียงใด แต่อันตรายและมิจฉาชีพก็ย่อมมีอยู่ทุกที่ทุกสมัย และแน่นอนค่ะ จะไม่ยอมให้คุณผู้อ่านตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้ เพียงทำตาม 6 ขั้นตอนง่าย ๆ ต่อไปนี้ 1. รหัสผ่านไม่ควรเกี่ยวข้องกับรายละเอียดส่วนตัว รหัสผ่านในการทำธุรกรรมทางการเงิน ออนไลน์ ไม่ควรเกี่ยวข้องกับรายละเอียดส่วนตัวของคุณ เช่น วันเกิด วันครบรอบ ฯลฯ แต่คุณก็ควรที่จะตั้งรหัสผ่านที่คุณสามารถจำได้ด้วย และจะปลอดภัยยิ่งขึ้นถ้าคุณสามารถทำให้รหัสผ่านยากขึ้นไปอีก ด้วยการใส่สัญลักษณ์ต่าง ๆ เข้าไป แทนที่จะใส่แค่ตัวอักษร ยกตัวอย่างเช่น 'Eleph@nt' แทนที่จะเป็น 'Elephant' นอกจากนี้ การเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งนะคะที่จะทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นค่ะ 2. โทรถามเพื่อยืนยันการโอนเงิน หากคุณทำการโอนเงินออนไลน์ คุณควรโทรไปถามผู้รับเงินด้วยว่าได้รับเงินจากคุณแล้วหรือยัง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเงินไปถึงผู้รับจริง ๆ ค่ะ เพราะเพียงแค่จดหมายยืนยันทางอีเมลคงไม่เพียงพอ เนื่องจากว่าทางอีเมลนั้นแฮกเกอร์สามารถเข้าไปดูข้อมูลของคุณได้โดยง่ายค่ะ 3.
สะดวก สามารถทำรายการได้ทุกที่ทุกเวลา รวดเร็ว รายการระหว่างผู้ส่งคำสั่ง ส่งตรงถึงระบบธนาคาร บริษัทสามารถรับข้อมูลที่เกี่ยว ข้อง หรือเรียกดูข้อมูลการทำรายการได้แบบ Real-Time ประหยัด ค่าเดินทางและไม่มีค่าใช้จ่ายในการให้บริการ ง่าย โดยสร้างรายการจากเทมเพลต หรือจากรายการเดิมที่เคยส่งธนาคารแล้ว
หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะในการทำธุรกรรมออนไลน์ เพราะแฮกเกอร์สามารถที่จะแฮกเข้ามาดูข้อมูลของคุณได้ ดังนั้น ทางที่ดีคุณควรทำธุรกรรมออนไลน์ที่บ้านจะดีกว่าค่ะ เพราะมันปลอดภัยกว่า และเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้ยากกว่าค่ะ 4. ตั้งรหัสผ่านในการเข้าไฟล์ Word หรือไฟล์ PDF ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ Word หรือไฟล์ PDF แต่ถ้าคุณมีข้อมูลสำคัญในนั้น คุณควรที่จะตั้งรหัสผ่านในการเข้าไฟล์เหล่านั้น และอย่าใช้รหัสผ่านร่วมกันกับไฟล์อื่น ๆ หรือใช้รหัสเดียวกับรหัสผ่านอีเมลเด็ดขาด เพราะมันง่ายต่อการคาดเดา และมีความเสี่ยงสูงหากมีผู้รู้รหัสอีเมลของคุณ แล้วใช้รหัสนั้นเข้าไปดูข้อมูลสำคัญ 5. ลบรหัสผ่านต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเครื่องออก เมื่อคุณขายอุปกรณ์ทางไอทีต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ Notebook คอมพิวเตอร์ ฯลฯ คุณควรทำให้แน่ใจด้วยว่าคุณลบรหัสผ่านต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเครื่องออกไปหมดแล้ว รวมถึงลบข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ออกไปแล้วด้วย เพราะถ้าหากคุณไม่ลบหรือลืมลบ เมื่ออุปกรณ์เหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ไม่หวังดี ก็อาจจะนำหายนะมาสู่คุณได้ค่ะ 6.
นี่คือการเปรียบเทียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ gsi-markets และ gmi-edge:
ไลฟ์สไตล์ 08 พ. ย. 2564 เวลา 16:05 น. 12. 5k การทำ "ธุรกรรมออนไลน์" ล้วนต้องใช้รหัส "OTP" ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งออนไลน์ จ่ายบิลออนไลน์ สมัครใช้งานโซเชียลมีเดีย สมัครใช้งานคนละครึ่ง ฯลฯ ชวนรู้ว่าเลข OTP คืออะไร? พร้อมรู้วิธีป้องกันไม่ให้ถูกมิจฉาชีพหลอกดึงรหัส OTP ที่คุณได้รับ ยังจำกรณี "โดนหักเงินจากบัญชีไม่รู้ตัว" ที่เป็นกระแสร้อนแรงก่อนหน้านี้กันได้หรือไม่? ถ้ายังจำได้ คงทราบว่าบัญชีส่วนใหญ่ที่โดนหักเงินไปนั้น มักเกิดจาก "ธุรกรรมออนไลน์" บางอย่างที่ไม่มีการขอ รหัส "OTP" ระหว่างที่ทำธุรกรรม กลายเป็นช่องว่างให้มิจฉาชีพแฮกเข้ามาในระบบ แล้วหักเงินออกจากบัญชีไปได้ง่ายๆ ดังนั้น หนึ่งในวิธีการป้องกันตัวเองเบื้องต้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในกรณีแบบนี้ก็คือ ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายผ่านโลกออนไลน์ เลือกใช้จ่ายในช่องทางที่เชื่อถือได้และมีการร้องขอรหัส OTP ก่อนการกดชำระเงินทุกครั้ง ว่าแต่.. รหัส OTP คืออะไร? สามารถเพิ่มความปลอดภัยให้การทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ได้อย่างไร? ชวนหาคำตอบไปพร้อมกันที่นี่ 1. OTP คืออะไร? ช่วยรักษาความปลอดภัยได้ยังไง? มีข้อมูลจากเพจ "ตำรวจสอบสวนกลาง" ระบุว่า OTP ย่อมาจาก One Time Password หมายถึง รหัสที่ใช้เพียงครั้งเดียวในการเข้าสู่ระบบออนไลน์เพื่อทำธุรกิรรมใดๆ ก็ตาม โดยทุกครั้งที่ผู้ใช้งานเข้าระบบ จะได้รับรหัส OTP ชุดใหม่เสมอ ซึ่งจะส่งผ่านทาง SMS ตามเบอร์โทรศัพท์ที่กรอกไว้ มีอายุการใช้งาน 3-5 นาที ต่อ 1 รหัส ดังนั้น OTP จะช่วยให้ไม่ต้องตั้งรหัสผ่านและจดจำรหัสผ่านอันเดิม จึงช่วยรักษาความปลอดภัยป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนำรหัสไปใช้ต่อได้ ข่าวที่เกี่ยวข้อง: อย่าให้ OTP กับใคร!
วิธีป้องกันเบื้องต้น ไม่ให้ถูกหลอกขอเลข OTP อย่าหลงเชื่อลิงก์ที่แนบมาพร้อมกับข้อความ SMS อีเมล เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือโปรแกรมสนทนาต่างๆ และห้ามเปิดลิงก์ที่แนบมาอย่างเด็ดขาด ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวผ่านการร้องขอทุกรูปแบบต่างๆ หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับช่องทางการบริการ ให้ติดต่อกับผู้บริการด้วยตนเอง เลือกใช้บริการแจ้งเตือนในแอพฯ โมบายแบงก์กิ้ง เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชีตลอดเวลา กรณีหลงเชื่อและเปิดเผยข้อมูลหรือรหัสผ่านไปแล้ว ให้รีบติดต่อธนาคาารผู้ให้บริการ เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านทันที ------------------------------- อ้างอิง: เพจตำรวจสอบสวนกลาง
TNN Wealth 2 พฤศจิกายน 2564 ( 12:15) ข่าววันนี้ สมาคมธนาคารไทย ร่วมกับสำนักงานระบบการชำระเงิน ศูนย์ประสานงานความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) ชมรมธุรกิจบัตรเครดิตและชมรมตรวจสอบและป้องกันการทุจริตภายใต้สมาคมธนาคารไทย รวบรวมแนวทางการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ที่จะช่วยให้ทำธุรกรรมอย่างปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมการเงินได้อย่างมั่นใจ ดังนี้ 1. ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์กับร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ 2. พยายามหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมการเงิน หรือไม่ผูกข้อมูลบัตรเครดิตกับร้านค้าออนไลน์ หรือ แพลตฟอร์มที่ไม่มีระบบการยืนยันตัวตนด้วย OTP หรือที่ไม่ใช้เทคโนโลยี 3D Secure 3. ไม่ส่งต่อ OTP ให้กับบุคคลอื่น ไม่ว่ากรณีใดๆ 4. ตั้งรหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดาในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ 5. ไม่ใช้รหัสผ่านร่วมกันในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ และร้านค้าออนไลน์ 6. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว รวมถึงข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขบัญชี หมายเลขบัตรเดบิต บัตรเครดิต เลขท้ายหลังบัตรเครดิต (CVV) แก่บุคคลอื่น (ธนาคารไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ SMS และโซเชียลมีเดีย) 7. ปรับวงเงินสำหรับการชำระสินค้าให้เหมาะสมกับการทำธุรกรรมการเงินในโลกออนไลน์ หรือปรับวงเงินชำระสินค้าเป็นศูนย์ชั่วคราว หากยังไม่มีความต้องการจะใช้ชำระค่าสินค้า 8.
ดีแทคเตือนระวังโจรออนไลน์แฝงตัวช่วงวิกฤติโควิด-19 สมัคร 'คนละครึ่ง' รอบใหม่ ต้องรู้จัก 'OTP' รหัสลับที่ต้องลุ้น! รู้จัก 'OTP' รหัสลับ ต้นตอสมัคร 'คนละครึ่งเฟส 2' สะดุด 2.
โบรกเกอร์ไหนน่าเชื่อถือกว่ากัน? คุณสามารถกำหนดความน่าเชื่อถือและความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ได้โดยการตรวจสอบปัจจัยสี่ประการ: 1. บทแนะนำโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์. หรือ gmi-edge มีต้นทุนและค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่ากัน 3. โบรกเกอร์ไหนปลอดภัยกว่ากัน? 4.