เตา อั้งโล่ โบราณ
Stop loss ท่าไม้ตายของ Trader มืออาชีพ กำไร/ขาดทุนที่เท่ากันแต่ไม่เท่ากัน เล่นหุ้นเทคนิคต้อง "ซื้อแพง ขายถูก" ถึงจะได้กำไรเยอะ รู้ใจตัวเองก่อนลงมือเทรดจริง: จิตวิทยาในการเทรด 5 ปัญหาสำคัญที่มือใหม่แนวเทคนิคมองข้าม 5 เคล็ดลับเทรดหุ้นได้เก่งขึ้นที่ Daddy Trader อยากบอกมือใหม่มากที่สุด
Find the Low and High of It:: พูดง่ายๆก็คือ การหาแนวรับแนวต้านนั้นเอง ที่ๆเหมาะที่สุดในการซื้อก็ถือ แถวๆแนวรับ (Support Level) ส่วนที่ๆเหมาะกับขายที่สุดก็คือ แถวๆแนวต้าน (Resistant Level) คราวนี้ มันก็จะมีกรณีที่เกิดการ Breakout ขึ้นมา ไม่ว่าจะแนวรับหรือแนวต้าน ถ้าเจอ Breakout ก็ให้ตั้งสมมติฐานว่า เทรนหลักที่เราเคยมองไว้ อาจถึงช่วงกลับทิศ แต่ทั้งนี้ บางครั้ง แนวรับ แนวต้าน อาจมีมากกว่า 1 แนว จึงต้องย้อนกลับไปดูกฎข้อแรกที่ให้เรา Map the Trends ด้วยการดูภาพใหญ่ให้ชัด หากหลุดแนวรับหรือแนวต้าน แต่เทรนหลักไม่เสีย ก็ทำตามระบบเดิม 4. Know How Far to Backtrack:: วัดหาระดับของการ Pullback หรือการ Rebound เพราะให้ตลาดขาขึ้นจริง 100% มันก็ไม่มีทางขึ้นอย่างเดียวไปจนจบรอบ ตลาดขาลง ก็ไม่มีทางจะลงรวดเดียวไปจนจบรอบเช่นเดียวกัน ระหว่างทางจะมีการแกว่งตัว ดังนั้นการหา% ของการแกว่งตัว ก็เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ Murphy แนะนำให้ใช้ Golden Ratio Fibonacci Retracement 38. 2% และ 61. 8% และ 50% ในการหาแนวรับ และแนวต้าน โดย Maximum Retracement จะอยู่ที่ 61. 8% หากการเด้งขึ้น หรือ ลง แรงกว่าสัดส่วนนี้ ให้สมมติฐานว่า เทรนหลักอาจกำลังเปลี่ยนไป 5.
E-Book การวิเคราะห์ทางเทคนิค Technical Analysis- สุรชัย ไชยรังสินันท์ ดาวน์โหลด E-book ฟรี / Download E-book Free หนังสือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค Technical Analysis เขียนโดย คุณสุรชัย ไชยรังสินันท์ จัดเผยแพร่ในรูปแบบไฟล์ PDF ให้นักลงทุนในตลาดทุนต่าง ๆ ทั้งทองคำ หุ้น ดาวโหลดไปศึกษาได้ฟรี ๆ Password:
ใครรู้จัก John J. Murphy บ้างไหมครับ? เขาคือนักวิเคราะห์เทคนิคคนหนึ่งของ Wallstreet เขียนตำราอ่านเทคนิคขั้นเทพไว้ Murphy นี่เขาได้รับการยอมรับว่าเป็น "The father of inter-market technical analysis" เชียวนะครับ โดยเขาเคยเขียนหนังสือเรื่อง "Technical Analysis of the Financial Markets" ไว้ หนังสือดังกล่าวได้รับการยอมรับในวงการเทคนิค และใช้เป็นตำราเบื้องต้นกันอย่างกว้างขวาง หนังสือเล่มนี้ได้ระบุ กฎเหล็ก 10 ข้อ สำหรับการใช้ Technical Analysis มาเป็นกลยุทธ์ในการลงทุน มีอะไรบ้าง ตามมาเลยครับ ภาพ: หนังสือ Technical Analysis of the Financial Markets 1. Map the Trends:: พยายามเริ่มศึกษากราฟจากมุมมองระยะยาวโดยใช้ Monthly หรือ Weekly Charts และดูยาวๆไปหลายๆปี เพื่อให้เห็นภาพกว้างๆ เมื่อได้ภาพใหญ่ในหัว ค่อยย่อมาดูกราฟ Daily หรือ Intra-day Charts ซึ่งควรให้น้ำหนักการเทรดในทิศทางเดียวกันกับ Weekly และ Monthly Charts สมมตินะครับ กราฟระดับ Week บอกเราว่า ตลาดหุ้นปัจจุบันยังเป็นเทรนขาขึ้น ในการเทรดระยะสั้นโดยกราฟ Intraday อยู่ฝั่งซื้อ จะได้เปรียบกว่าฝั่งขาย 2. Spot the Trend and Go With It:: เมื่อได้เทรนใหญ่ สิ่งที่สำคัญคือ Follow The Trend จง Buy on Dips ถ้าเทรนเป็นขาขึ้น และ จง Sell on Strength ถ้าตลาดอยู่ในขาลง ถ้าเทรดระยะกลางให้ใช้ Weekly กับ Daily Charts ถ้าเป็น daytrade ให้ใช้ Daily กับ Intra-Day ไม่ว่าจะเทรดจะระยะกลาง หรือเทรดระยะสั้น ให้ใช้ Charts ที่ระยะยาวกว่า เป็นเทรนหลักในการเทรดช่วงนั้น ยกตัวอย่างเช่น พรุ่งนี้จะ daytrade กับ S50M11 ซักหน่อย ก็ใช้ Daily Charts ดูเทรนหลักว่าเป็นขึ้นหรือลง ลกยุทธ์ของวันพรุ่งนี้ ก็ให้น้ำหนักตามเทรนหลัก ครับ 3.
กระทู้สนทนา เศรษฐศาสตร์ การลงทุน Fundamental Analysis หุ้น เศรษฐกิจ จบบทที่2แล้ว ฮึบๆๆๆ!!!!! 0 1 juwis สมาชิกหมายเลข 6574799 ถูกใจ ▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼ แสดงความคิดเห็น คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ เข้าสู่ระบบ กระทู้ที่คุณอาจสนใจ หนังสือที่ดีที่สุดของโซรอส #The alchemy of finance#Part4 ตอนที่#24 สินเชื่อและวงจรกำกับดูแล สินเชื่อธุรกิจ หนังสือที่ดีที่สุดของโซรอส #The alchemy of finance#Part2(3) ตอนที่#17 reflextivity กับตลาดหุ้น เข้าสู่โหมดน่าเบื่ออีกแล้วเหรอ ข่าวร้ายยังเหมือนเดิม ข่าวเฟดจะขึ้น 0.
สำนวนภาษาอ่านเข้าใจง่าย 2. ออกแบบจัดรูปเล่มสวยงาม พิมพ์ full color ทั้งเล่ม 3. แถมคลิปวิดีโอ 2 เรื่อง
Draw the Line:: ที่เราเรียกกันว่า Trendline นั้นเองครับ นักเทคนิคไม่ใช่เพียง Murphy ยอมรับว่า เป็นเครื่องมือที่ง่ายที่สุด และแม่นที่สุด แต่ Murphy เชื่อว่า ตลาดหุ้นมีแค่ 2 เทรน นั้นก็คือ Uptrend และ Downtrend (ไม่มี Sideway) ส่วนที่เราเห็นตลาด Sideway เป็นเพราะเราลืมมองภาพใหญ่ (กราฟ Weekly หรือ Monthly) ซึ่ง Murphy ก็บอกไว้ตั้งแต่กฏข้อแรกแล้วว่า ให้ดูก่อน 6. Follow that Average:: นั้นก็คือ การใช้เส้นค่าเฉลี่ย Moving Average ระยะสั้น กับระยะยาว ตัดกันให้เป็น Buy or Sell Signal เส้นค่าเฉลี่ยที่แนะนำก็คือ 4, 9 หรือ 9, 18 หรือไม่ก็ 5, 20 ถ้าเส้น MA ระยะสั้นตัดระยะยาวขึ้น ก็เป็น Buy Signal ถ้ากลับทาง ก็เป็น Sell Signal (แต่ส่วนตัว ผมไม่เคยใช้เส้นที่ Murphy แนะนำเลยนะ รู้สึกมันให้ False Signal บ่อยเกินไป) 7. Learn the Turns:: ใช้ Oscillators ในการหาภาวะที่ตลาดกำลัง Overbought หรือ Oversold เพื่อเป็นการเตือนถึงจุดกลับทิศทางของตลาดก่อนล่วงหน้า Oscillators ที่นิยมให้กันก็คือ RSI โดยถ้า RSI>70 ก็ Overbought เตรียมลง, ส่วน RSI 8. Know the Warning Signs:: ต้องรู้ก่อนว่าตลาดจะกำลังให้สัญญาณให้อนาคต เพื่อการเฝ้าระวัง (ไม่ตกรถ ไม่ติดดอย หุหุ) ยกตัวอย่างเช่นการใช้ MACD เพื่อดู Signal โดย Murphy แนะนำให้ดู Histogram ด้วย เพราะแท่ง Histogram เอาไว้บอกความแตกต่างระหว่างเส้น MA 2 เส้น ยิ่ง Histogram สูง แสดงว่า MA ทั้งสองเส้นต่างกันมากเกินไป โดยปกติจะกลับเข้ามาใกล้กันในที่สุด ทำให้ Histogram บอกเราได้ว่า เทรนเป็นยังไง 9.
ลด 20% เทคนิคอล อนาไลซิส: Technical Analysis of The Financial Markets "Bible" ของวงการ "Technical Analysis" ที่รวมเอาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ "Technical Analysis" เอาไว้ในเล่มเดียว ตั้งแต่รายละเอียดพื้นฐาน เช่น กราฟราคา แนวโน้มราคา ไปจนถึงเครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ หนังสือขายดี ลด 20% อ่านต่อ หนังสือ 396.
สำหรับกฏข้อสุดท้ายนี้ เพิ่งเกิดกับ SET Index ในสองวันที่ผ่านมาเลยครับ วันที่ Break 1, 000 จุดมา มูลค่าการซื้อขายยัง 2 หมื่น ลบ. ต้นๆ วันนี้บวกต่อพร้อม Volume ทะลักไป 4 หมื่น ลบ. ใครรอ Volume หายไป 10 กว่าจุด น่าสงสาร >. < จะเห็นว่ากฎทั้ง 10 ข้อ ของ Murphy ส่วนใหญ่เป็นอะไรที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนเกินไป แต่ปัญหาคือ เรามักจะลืมมันไปก็แค่นั้นนะ สุดท้ายขอฝาก Quote ของเขาไว้หน่อย "Technical analysis is a skill that improves with experience and study. Always be a student and keep learning" – John J. Murphy