เตา อั้งโล่ โบราณ
ขาวแกงกะหรี่เปนอาหารโปรดของลูกสาวฉัน แตถาผูพูดคิดวาแยกกัน ก็จะมีความหมายเปนพหูพจนเชน - Rice and curry are what we have for lunch today. เรามีขาวและแกงกะหรี่เปนอาหารกลางวันวันนี้ 4. ประธานที่มีคํานามมากกวา 1 และเชื่อมดวย and หากเปนคนหรือสิ่งเดียวกัน จะมี article ที่ประธานตัวหนาแหงเดียว เทานั้น หากเปนคนละคนกันจะมี article ที่หนาคํานามทั้งสอง เชน -The manager and owner of this restaurant is my friend. Part of speech คืออะไร มีกี่ประเภท และมีหน้าที่ทำอะไรในหลักแกรมม่า นี่คือคำถามแรกๆสำหรับผู้ที่จะเรียนรู้หลักไวยากรณ์ หรือที่เรียกกันว่าแกรมม่า สรุป part of speech ให้เห็นภาพก่อนคร่าวๆนะครับว่า มันคือ ส่วนของคำพูด หมายความว่าประโยคในภาษาอังกฤษที่เราสื่อออกไปนั้น จะประกอบไปด้วยชนิดของคำ หรือคำชนิดต่างๆมาประกอบกัน ♥ เนื้อหา Part of Speech Part of speech คืออะไร Part of speech หน้าที่คืออะไร Part of speech มีกีชนิดหรือกี่ประเภท Part of speech ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ ♦ Part of Speech คืออะไร ก่อนจะสรุปว่า Part of speech คืออะไร ลองมาอ่านประโยคง่ายๆเหล่านี้ก่อนนะครับ → My name is Tom.
การแยกชนิดของคำในภาษาจีน ก็เหมือนกับภาษาอื่นๆ คือ คำนาม, คำสรรพนาม, คำกริยา, คำคุณศัพท์, … การที่เราสามารถแยกชนิดคำเป็น จะมีส่วนช่วยให้เราสามารถจัดเรียงคำในประโยคได้อย่างถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ และช่วยในเรื่องของการทำข้อสอบต่างๆ แม้ว่าเราจะแปลความหมายของประโยคนั้นไม่ออกก็ตาม เช่น การเติมคำ การเรียงประโยค เป็นต้น ชนิดของคำในภาษาจีน 1. คำนาม (Noun) 名词 (míng cí) เช่น 飞机(เครื่องบิน), 汉语(ภาษาจีน) 2. คำสรรพนาม (Pronoun) 代词 (dài cí) เช่น 我, 你, 他 3. คำกริยา (Verb) 动词 (dòng cí) เช่น 吃, 想, 爱, 要求 4. คำกริยานุเคราะห์ 助动词 (zhù dòng cí) เช่น 会, 能, 可以, 应该, 得(děi), 要 5. คำคุณศัพท์ (Adjective) 形容词 (xíng róng cí) เช่น 好, 白(สีขาว), 快, 认真(จริงจัง) 6. คำบอกจำนวน (Number) 数词 (shù cí) เช่น 一, 二, 几 7. คำลักษณะนาม 量词 (liàng cí) เช่น 个(อัน), 对(คู่), 次(ครั้ง), 遍(รอบ) 8. คำวิเศษณ์ (Adverb) 副词 (fù cí) เช่น 不, 才, 一般, 全, 都, 只, 太, 可能, 正好 9. คำบุพบท (Preposition) 介词 (jiè cí) เช่น 从, 跟, 在, 对 10. คำสันธาน (Conjunction) 连词 (lián cí) เช่น 不但, 因为, 如果 11. คำเสริม 助词 (zhù cí) เช่น 的, 得, 地, 所, 了, 着, 过, 呢, 吧 12. คำอุทาน 叹词 (tàn cí) เช่น 阿(ā ประหลาดใจ ทึ่ง), 哎哟(āi yō อูย เจ็บปวด) 13.
(บ่อยแค่ไหนที่เธอไม่ได้มาที่นี้)
ปฤจฉาวิเศษณ์ บอกความเป็นคำถาม เช่น - แม่จะไปไหน - เธออายุเท่าไร - แกล้งเขาทำไม - ไยจึงไม่มา 8. ประติชฌาวิเศษณ์ (บอกการตอบรับ) มีคำว่า คะ ครับ จ้ะ จ๋า ขา ฯลฯ 9. ประติเศษวิเศษณ์ แสดงความปฏิเสธ เช่น ไม่ ไม่ใช่ หามิได้ บ่ 10. ประพันธวิเศษณ์ แสดงหน้าที่เชื่อมประโยค เช่น ที่ ซึ่ง อัน - เขาพูดอย่างที่ใคร ๆ ไม่คาดคิด - เธอเดินไปหยิบหนังสือซึ่งอยู่บนโต๊ะ - ของมีจำนวนมากอันมิอาจนับได้ คำบุพบท คำบุพบท คือคำที่ใช้นำหน้าคำอื่นแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ 1. ไม่เชื่อมกับบทอื่น ได้แก่ คำทักทาย หรือร้องเรียน เช่น ดูกร ข้าแต่ อันว่า แน่ะ เฮ้ย 2.
พวกเขาซื้อรถยนต์ (รถยนต์เป็นกรรมของประโยค) – อกรรมกริยา (Transitive Verb) คือกริยาที่ไม่ต้องมากรรมมารับ ก็สามารถสื่อความหมายได้สมบูรณ์ คำกริยาชนิดนี้ ได้แก่ sit, stand, swim, walk, sleep, fly, run, sing, dance เป็นต้น • I sit. ผมนั่ง • You stand. คุณยืน • We walk. พวกเราเดิน • They sleep. พวกเขานอนหลับ จะเห็นได้ว่าแค่มีประธาน กับกริยา ก็สามารถสื่อความได้แล้วว่า ใครทำอะไร 2. กริยาแท้ (Main Verb) และ กริยาช่วย (Helping Verb) – กริยาแท้ (Main Verb) หรือกริยาหลักของประโยค ถ้าในประโยคนั้นๆมีคำกริยาตัวเดียว จะไม่ใช่ปัญหาใดๆ เพราะคำกริยาที่ปรากฎ มันก็คือกริยาหลักของประโยคนั้นเอง เช่น • I walk to school. ฉันเดินไปโรงเรียน ( walk เป็นกริยาแท้) • You are a doctor. คุณเป็นหมอ (are เป็นกริยาแท้) • They sing beautifully. พวกเขาร้องเพลงอย่างไพเราะ (sing เป็นกริยาแท้) • They eat rice. พวกเขากินข้าว (eat เป็นกริยาแท้) กริยาช่วย (Helping Verb) บ้างก็เรียกว่า auxiliary verb หมายถึง คำกริยาที่เป็นตัวเสริมเข้าไปร่วมกับกริยาแท้ ให้ถูกต้องตามโครงสร้างของประโยค โดยที่ไม่มีความหมายใดๆ เรียนรู้เพิ่มเติม ⇒ กริยาช่วย 24 ตัว ⇐ • I am walking to school.
** หมายเหตุ แต the number of ตามดวยนามพหูพจนและใชกริยาเอกพจน เชน The number of students in the class is limited to twenty. จํานวนของนักเรียนในหองจํากัดที่ยี่สิบคน 12. ประโยคที่มี who, which, that เปน Relative Pronoun กริยาของ Relative Pronoun จะใชรูปของเอกพจนหรือพหูพจน ใหถือเอาตามคําที่มันแทนซึ่งอยูขางหนา who, which, that เชน - He is one of my friends who are millionaires. เขาเปนเพื่อนคนหนึ่งของฉัน ( ในหลายๆคน) ที่เปนเศรษฐี ( ใชare เพราะ who ขยาย my friends) 13. มีคนดูละครหวยๆนี้อยูไมกี่คน - Many were invited to the lunch but only twelve showed up. มีคนไดัรับเชิญรับประทานอาหารกลางวันหลายคน แตมีคนมาเพียง 12 คน 10. การใชวลีบอกปริมาณ 1. วลีบอกปริมาณตอไปนี้ถาตามดวยนามเอกพจนตองใชกริยาตองใชเอกพจน ถาตามดวยนามพหูพจนกริยาตองใช้ในรูป พหูพจน a lot of lots of plenty of all of most of none of some of rcent of เชน - I think a lot of English wine is too sweet. ฉันคิดวาไวนของอังกฤษจํานวนมากที่หวานเกินไป ( wine เปน นามนับไมไดมีความหมายเปนเอกพจน) - A lot of people are in the room.
ความหมายของคำกริยา คำกริยา หมายถึง คำแสดงอาการ การกระทำ หรือบอกสภาพของคำนามหรือคำสรรพนาม เพื่อให้ได้ความ เช่นคำว่า กิน เดิน นั่ง นอน เล่น จับ เขียน อ่าน เป็น คือ ถูก คล้าย เป็นต้น ชนิดของคำกริยา คำกริยาแบ่งเป็น ๕ ชนิด ๑. อกรรมกริยา คือ คำกริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับก็ได้ความสมบูรณ์ เข้าใจได้ เช่น - เขา"ยืน"อยู่ - น้อง"นอน" ๒. สกรรมกริยา คือ คำกริยาที่ต้องมีกรรมมารับ เพราะคำกริยานี้ไม่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง เช่น - ฉัน "กิน"ข้าว (ข้าวเป็นกรรมที่มารับคำว่ากิน) - เขา"เห็น"นก (นกเป็นกรรมที่มารับคำว่าเห็น) ๓. วิกตรรถกริยา คือ คำกริยาที่ไม่มีความหมายในตัวเอง ใช้ตามลำพังแล้วไม่ได้ความ ต้องมีคำอื่นมาประกอบจึงจะได้ความ คำกริยาพวกนี้คือ เป็น เหมือน คล้าย เท่า คือ เช่น - เขา"เป็น"นักเรียน - เขา"คือ"ครูของฉันเอง ๔. กริยานุเคราะห์ คือ คำกริยาที่ทำหน้าที่ช่วยคำกริยาสำคัญในประโยคให้มีความหมายชัดเจนขึ้น ได้แก่คำว่า จง กำลัง จะ ย่อม คง ยัง ถูก นะ เถอะ เทอญ ฯลฯ เช่น - นายดำ"จะ"ไปโรงเรียน - เขา"ถูก"ตี ๕. กริยาสภาวมาลา คือ คำกริยาที่ทำหน้าที่เป็นคำนามจะเป็นประธาน กรรม หรือบทขยายของประโยคก็ได้ เช่น - "นอน"หลับเป็นการพักผ่อนที่ดี (นอน เป็นคำกริยาที่เป็นประธานของประโยค) - ฉันชอบไป"เที่ยว"กับเธอ (เที่ยว เป็นคำกริยาที่เป็นกรรมของประโยค) หน้าที่ของคำกริยามีดังนี้คือ ๑.
คำกริยา, คำกริยา หมายถึง, คำกริยา คือ, คำกริยา ความหมาย, คำกริยา คืออะไร คำกริยา คือ คำที่แสดงอาการ สภาพ หรือการกระทำของคำนาม และคำสรรพนามในประโยค คำกริยาบางคำอาจมีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง บางคำต้องมีคำอื่นมาประกอบ และบางคำต้องไปประกอบคำอื่นเพื่อขยายความ หน้าที่ของคำกริยา มีดังนี้ 1. ทำหน้าที่เป็นกริยาสำคัญของประโยค เช่น คนกินข้าว นกบินมาเป็นฝูง เป็นต้น 2. ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น กินมากทำให้อ้วน เป็นต้น 3. ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น ฉันชอบเต้นแอร์โรบิกตอนเช้า เป็นต้น 4. ทำหน้าที่ช่วยขยายกริยาสำคัญให้มีความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น พี่คงจะกลับบ้านเย็นนี้ เป็นต้น 5. ทำหน้าที่ช่วยขยายคำนามให้เข้าใจเด่นชัดขึ้น เช่น ฉันชอบกินก๋วยเตี๋ยวผัด น้องชายชอบบะหมี่แห้ง เป็นต้น คำกริยา แบ่งออกเป็น 4 ชนิดคือ 1. สกรรมกริยา 2. อกรรมกริยา 3. วิกตรรถกริยา 4. กริยาอนุเคราะห์ 1. สกรรมกริยา คือคำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับ จึงจะได้ใจความสมบูรณ์ เช่น แม่ค้าขายผลไม้ น้องตัดกระดาษ ฉันเห็นงูเห่า พ่อซื้อของเล่นมาให้น้อง ฉัน กิน ข้าว เขา เห็น นก 2. อกรรมกริยา คือคำกริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับก็ได้ความหมายสมบูรณ์ ชัดเจนในตัวเอง เช่น ครูยืน น้องนั่งบนเก้าอี้ ฝนตกหนัก เด็กๆหัวเราะ คุณลุงกำลังนอน เขานั่ง เขายืนอยู่ 3.
มีคนจํานวนมากในหอง ( people มีรูปเอกพจนคือไมมี s แตมีความหมายพหูพจนจึงใช are ดูในเรื่อง Nouns - singular/plural) - Some of my jewelry is missing. ของประดับมีคาของฉันหายไปบางชิ้น - Some of my friends were at the airport to see me off. เพื่อนบางคนไปสงฉันที่สนามบิน - Ten percent of the men have lung problems. สิบเปอร์เซนตของผูชายมีปญหาเกี่ยวกับปอด - Ten percent of the money is yours. เงินสิบเปอร์เซนตเปนของคุณ 2. วลีบอกปริมาณตอไปนี้ใชกับคํานามนับไดที่เปนพหูพจนและกริยาก็ตองเปนพหูพจนตามดวย ซึ่งไดแกคําวา a number of a large number of a great number of many a good many a great many เชน - A number of students are playing football. คนบางคนรวมทั้งนองชายฉันคิดวาคริกเก็ต ( เปนกีฬา ที่คลายเบสบอลนิยมเลนในประเทศอาณานิคมอังกฤษ เชน ออสเตรเลีย นิวซีแลนดอินเดีย ปากีสถาน) เปน กีฬาที่นาเบื่อ ( ใชกริยาตาม some people) 6. ประโยคหรือวลีที่ขยายประธาน ไมมีผลตอการใชกริยาของประธาน เชน - John, with all his players, was on the field. จอหนพรอมดวยบรรดาผูเลนของเขาอยูบนสนาม ( with all his players ขยายประธานคือ John) - Mr. Clark, like our other neighbors, is very helpful.
副词 (fù cí) คำวิเศษณ์ คือ คำที่ขยายคำกริยาหรือคำคุณศัพท์ ทำหน้าที่แสดงระดับเวลา ขอบเขต รูปแบบของกริยาอาการ การปฏิเสธ ความเป็นไปได้ น้ำเสียง ฯลฯ ชนิด 类别 คำศัพท์ตัวอย่าง 例词 แสดงระดับ 很、非常、十分、挺、特别、稍微、比较、最、太、有点儿、更加、过于、格外、相当。 แสดงน้ำเสียง 也许、大概、或许、难道、偏偏、幸亏、居然、到底、几乎、好在、果真、明明、反而、只好。 แสดงเวลา ความถี่ 已经、正在、正、在、立刻、马上、曾经、刚刚、刚、将要、才、便、仍然、一直、终于。 แสดงสถานที่ 处处、到处、随处、遍地、四处 แสดงขอบเขต 都、总、共、总共、统统、只、仅仅、单、净、光、一律、就 แสดงการเน้นย้ำ ยืนยัน ปฏิเสธ 必、必须、准、的确、不、没有、没、未、别、莫、勿、不必(甭) แสดงลักษณะอาการ 单独、互相、亲自、依然、逐渐、大力、相继、偷偷、悄悄、渐渐 แสดงความเกี่ยวข้อง 越……越、又 9. 介词 (jiè cí) คำบุพบท คือ คำที่ทำหน้าที่เชื่อมหรือต่อคำ วางไว้หน้าคำนาม คำสรรพนามหรือคำชนิดใดชนิดหนึ่ง เพื่อแสดงเวลา สถานที่ ทิศทาง เป้าหมาย มูลเหตุ วิธีการ วัตถุประสงค์ การเปรียบเทียบหรือการตัดประเด็นอื่น ชนิด 类别 คำศัพท์ตัวอย่าง 例词 แสดงเวลา สถานที่ ทิศทาง 在、自、自从、往、向、朝、从、由、离、趁、随着、沿着、向着、顺着、朝着、冲着 แสดงเป้าหมายของ กริยาอาการ 对、对于、关于、至于、和、跟、与、给、同、把、被、让、叫、将、替、连 แสดงวิธีการ 按照、依照、本着、凭着、凭、以、根据、靠、通过 แสดงมูลเหตุและวัตถุประสงค์ 因、因为、由于、以为、为了、为着 แสดงการเปรียบเทียบ 比、和、跟、同与 แสดงการจัดประเด็นอื่น 除了、除开、除去 10.